| |
![]() |
back to english |

![]() C-130 HERCULES | ||
| C-130 Hercules เป็นเครื่องบินขนส่งสัมภาระทางอากาศ โดยใช้ทางขึ้นและประตูด้านท้ายของเครื่อง สร้างขึ้นโดยบริษัท Lockheed Martin Aeronautics
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 1954 เครื่องต้นแบบ YC-130A Hercules ได้ทำการทดลองบินเป็นครั้งแรก ที่ Burbank, California. รุ่นแรกของการสร้างคือรุ่น C-130A, ประกอบด้วย เครื่องยนต๋ Allison T56-A-9 turboprops ใบพัดมีสามกลีบ. เครื่อง C-130A ทำการบินครั้งแรกเมื่อ วันที่ 7 เมษายน 1955 และเริ่มส่งมอบให้กองทัพ ในเดือน ธันวาคม 1956. นับถึงปัจจุบัน ก็ห้าทศวรรตแล้วนับตั้งแต่ที่ กองทัพอากาศสหรัฐฯได้เริ่ม กำหนด ข้อกำหนด และออกแบบ เพื่อสร้างเครื่องนี้ และปัจจุบัน เครื่อง C-130 Hercules ก็ยังทำการผลิตอยู่ ในระหว่างความขัดแย้งในเวียตนาม เครื่อง C-130A จำนวนหนึ่งได้ทำการเปลี่ยนแปลงเป็นเครื่องติดปืน โดยนำไปติดตั้ง ปืน ขนาด 20 มม.ที่ด้านข้างของลำตัว และปืนกลขนาด 7.62 มม.นอกจากนั้นยังมี ระบบที่ใช้ตรวจจับเป้าหมาย และระบบ แสง infra-red (FLIR) สำหรับดูในที่ๆมีแสงสว่างน้อย ต่อมาภายหลังได้ชื่อ ว่ารุ่น AC-130. C-130B เข้าประจำการในเดือน มิถุนายน 1959. สำหรับรุ่น C-130B ได้นำเอาใบพัดแบบสี่กลีบมาใช้กับเครื่องยนต์ ของ Allison รุ่น T56-A-7 มีความจุเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น มีเครื่อง C-130B จำนวนหนึ่งใช้ในการดับเพลิงทางอากาศ C-130D หลายลำในรุ่น C-130A ได้รับการตั้งชื่อให้เป็นรุ่น C-130D เนื่องจาก ได้นำเอาสกี มาแทนล้อเครื่องบิน เพื่อนำไปใช้ ที่ Arctic. สกีหลัก ( main skis ) ยาว 20 ฟุต (6 เมตร) และ กว้าง 6 ฟุต (1.8เมตร) สำหรับสกีหน้า ( nose ski ) ยาว 10 ฟุต (3 เมตร) และ กว้าง 6 ฟุต (1.8 เมตร) นอกจากนั้นในรุ่นนี้ ยังเพิ่มความจุของเชื้อเพลิง และยังมีระบบ JET อยู่ข้างๆลำตัวใช้ในการช่วยเพิ่มกำลังขับในการบินขึ้น (Jet assisted takeoff (JATO)). C-130E เป็นรุ่นที่ทำการบินระยะยาว โดยปรับปรุงมาจากรุ่น C-130B และเริ่มทำการส่งมอบในเดือน เมษายน 1962 รุ่นนี้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ มากขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ Allison รุ่น T56-A-7A และมีถังเชื้อเพลิงติดตั้งอยู่ที่ภายนอก C-130H ก็คล้ายกับรุ่น E ซึ่งปรับปรุงเครื่องยนต์ เป็นรุ่น T56-A-T5 มีการออกแบบส่วนนอกของปีกใหม่ ปรับปรุงระบบ avionics และระบบอื่นๆ การส่งมอบของรุ่นนี้เริ่มขึ้นเมื่อ เดือน กรกฎาคม 1974 สำหรับรุ่น C-130H นี้นับว่าเป็นรุ่นที่ทำการผลิตมากที่สุดในตระกูล C-130 C-130J เป็นรุ่นล่าสุดที่ทำการผลิต สำหรับตระกูล C-130 รุ่น C-130J จะติดตั้งด้วยเทคโนโลยี เพื่อลดความต้องการกำลังพล ลดค่าใช้จ่ายที่นำมาสนับสนุน การใช้เครื่องนี้ และยังช่วยต่ออายุการใช้งานด้วย เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ รุ่นนี้ C-130J สามารถไต่ระดับได้เร็วขึ้น และบินได้ระดับที่สูงขึ้น บินด้วยความเร็วที่สูงขึ้น และยังสามารถบินขึ้นและลงจอดด้วยระยะทางที่สั้นลง C-130J-30 เป็นรุ่นเดียวกับ C-130J แต่ว่าได้ทำการ เพิ่มความยาวของลำตัวขึ้นอีก 15 ฟุต เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ รุ่น C-130J-30 ได้เพิ่มความยาวของลำตัวเป็นสองส่วน คือหนึ่งส่วนในตอนหน้า และอีกส่วนหนึ่งในตอนท้ายของลำตัว ในส่วนหน้าเพิ่มส่วนลำตัวเข้าไป 100 นิ้ว และตอนส่วนท้ายเพิ่มลำตัวเข้าไปอีก 80 นิ้ว รวมเป็น 180 นิ้วซึ่งเท่ากับ 15 ฟุต รุ่น C-130J และ C-130J-30 ส่วนสำคัญที่ปรับปรุงคือ ใช้นักบิน สองคน ติดตั้งระบบรวม digital avionics มีจอสีใช้แสดงผล ระบบ liquid crystal displays ติดตั้งระบบสื่อสารดาวเทียม GPS และระบบการป้องกันการโจมตี นอกจากนั้น C-130J , C-130J-30 ยังติดตั้ง เครื่องยนต์และใบพัดใหม่ ใบพัดเป็นแบบ วัสดุผสม (composite )มีหกกลีบ เครื่องยนต์เป็นของบริษัท Rolls Royce รุ่น AE2100D3 และยังมีระบบ auto-pilot. C-130 Hercules มากกว่า 145 ลำ ถูกใช้ในการปฏิบัติการ ในการสนับสนุน สงครามอ่าวเปอรเซีย (Operations Desert Shield and Desert Storm ) ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 1990 จนกระทั่งสงครามยุติ C-130s ไดทำการบิน 46,500 ครั้งและขนย้ายทหาร มากกว่า 209,000 คน สัมภาระ 300,000 ตัน เครื่องรุ่นนี้ให้การสนับสนุนทุกอย่าง รุ่นเฉพาะกิจ : ขนส่งทางอากาศ สนับสนุนภาระกิจ = ทุกๆรุ่น , รุ่นติดปืนใช้ในการโจมตี เรียกรุ่นว่า AC-130 , ใช้ในการทำสงครามด้าน Electronic เรียกรุ่นนี้ว่า EC-130E , EC-130H , ใช้เพื่อเติมน้ำมันกลางอากาศ เรียกรุ่นนี้ว่า KC-130 | ||
| คุณลักษณะเฉพาะ C-130 HERCULES | ||
| เครื่องยนต์ (สี่เครื่องยนต์) | C-130A | Allison T56-A-9 |
| C-130B | Allison T56-A-7 | |
| C-130D | Allison T56-A-9 | |
| C-130E | Allison T56-A-7A | |
| C-130H | Allison T56-A-15 | |
| C-130J , C-130J-30 | Rolls Royce AE2100D3 | |
| แรงขับเคลื่อนเครื่องยนต์ | Allison T56-A-9 | 4,200 shp |
| Allison T56-A-7 | 4,200 shp | |
| Allison T56-A-15 | 4,591 shp | |
| Rolls Royce AE 2100D3 | 4,591 shp | |
| ใบพัด | C-130A (Three blades) | Hamilton Standard electro-hydromatic |
| C-130B , D , E , H (Four blades) | Hamilton Standard electro-hydromatic | |
| C-130J , C-130J-30 (Six blades) | Dowty R391 | |
| ความยาวลำตัว | C-130A , B , D, E , H , J | 97 ft. 9 in. (29.3 m.) |
| C-130J-30 | 112 ft. 9 in. (34.69 m.) | |
| ความสูงของลำตัว | 38 ft. 3 in.(11.4 m.) | |
| ความยาวของปีก | 132 ft. 7 in.(39.7 m.) | |
| ความเร็ว | C-130A , B , D , E , H | 345-366 mph |
| C-130J , C-130J-30 | 410-417 mph | |
| ระดับความสูง | 33,000 ft.(10,000 m.) | |
| น้ำหนักสูงสุดทำการบินขึ้น | C-130A , B , D , E , H, J | 155,000 Lbs.(69,750 kg.) |
| C-130J-30 | 164,000 Lbs.(74,393 kg.) | |
| ระยะทำการบิน | C-130A , B , D , E | 1,838 miles (1,597 nm.) |
| C-130H | 2,006 miles (1,743 nm.) | |
| C130J | 2,729 miles (2,371 nm.) | |
| C-130J-30 | 2,897 miles (2,517 nm.) | |
| เจ้าหน้าที่ทำการบิน | C-130A , B , D , E , H | 5 (2 pilots, navigator, flight engineer and loadmaster) |
| C-130J , C-130J-30 | 3 (2 pilots and loadmaster) | |
| น้ำหนักบรรทุก | C-130A , B , D , E | 36,720 Lbs (16,656 kg.) |
| C-130H | 35,220 Lbs.(15,976 kg.) | |
| C-130J | 38,301 Lbs (17,373 kg) | |
| C-130J-30 | 38,812 Lbs (17,605 kg) | |
| จำนวนผู้โดยสาร | C-130A ,B ,D ,H , J | 92 Combat troops |
| C-130J-30 | 128 Combat troops | |
|
ห้องนักบิน C-130J | |
|
การบรรทุกทางด้านท้าย C-130 | |
| 1 nm.(nautical mile) = 1.15155 miles, 1 kt (knot) = 1.15155 mile / hr. 1 mach = 761 mph.(SL,ISA) | ||
© 2003 Thai Technics.Com All Rights Reserved | ||
| Contact Webmaster | ||